สินค้าจากจีนเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ประเทศจีนเองก็เป็นตลาดช็อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ข้อมูลจาก Ststista ปี 2019 ระบุว่า Taobao เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 โดยทำรายได้ 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ Tmall และ Amazon ตามมาเป็นอันดับ 2 และ 3
เป็นที่คาดการณ์กันว่า ตลาดออนไลน์ของจีนจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนี้ ซึ่งความสำเร็จในธุรกิจ E-Commerce ของจีนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่การโพสต์สินค้าขาย หรือตั้งราคาขายที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการจีนให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นที่หนึ่ง ทั้งยังมีช่องทางใช้งานทันสมัย ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อได้อย่างตอบโจทย์
Protaobao จึงสรุปหลักการขายสินค้าออนไลน์ที่ทำให้ร้านค้าจีนประสบความสำเร็จมาฝากสำหรับผู้ที่คิดอยากเปิดร้านขายของออนไลน์
- ทำความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าลูกค้าของคุณต้องการผลิตภัณฑ์อะไร? และพวกเขามีความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ในราคาพิเศษมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคยุคนี้ คือพวกเขายินดีจ่ายราคาแพงขึ้นเพื่อให้ได้ของที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ การตั้งราคาที่ต่ำเกินไป ก็อาจทำให้เกิดความน่าสงสัยและชวนคิดได้ว่า ผลิตภัณฑ์นั้นเป็นสินค้าปลอมหรือไม่
ปัจจุบัน นักช็อปออนไลน์ต่างมีความต้องการสินค้าที่มีความหลากหลาย มีตัวเลือกมากพอให้เปรียบเทียบและตัดสินใจ ในส่วนของช่องทางการขายนั้น ต้องเข้าถึงได้ง่าย ไม่ซับซ้อนในการใช้งานบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน รวมทั้งมีการแจ้งข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดของสินค้าตามที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ
- เลือกใช้ช่องทาง E-Commerce ที่หลากหลาย
การขายของออนไลน์เป็นรูปแบบธุรกิจ B2C หรือ Business to Customer เมื่อคิดจะเปิดร้าน คุณจำเป็นต้องทำการวิจัยเพื่อค้นหาช่องทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับธุรกิจ E-Commerce ของคุณ รวมถึงศึกษาช่องทางออนไลน์ชั้นนำที่น่าสนใจและดึงจุดเด่นมาใช้ อาทิ เว็บสั่งสินค้าจากจีน ดังต่อไปนี้
- Tmall ของ Alibaba เป็นเว็บไซต์สำหรับผลิตภัณฑ์แบรนด์ระดับไฮเอนด์
- JD.com เป็นตลาดออนไลน์ที่มีความคล้ายคลึงกับ Amazon
- Shangpin คือเว็บไซต์ออนไลน์ใหม่ ที่เน้นด้านแฟชั่น
- Suning คือเว็บไซต์ E-Commerce ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย
อย่างไรก็ดี การสร้างเว็บไซต์ของร้านค้า ควรออกแบบหน้าตาเว็บให้ดูทันสมัย เรียบง่าย และไม่ซับซ้อนในการใช้งาน
- ตระหนักถึงพลังของสมาร์ทโฟนและสังคมออนไลน์
ธุรกิจ E-Commerce จะเติบโตหรือไปไกลหรือไม่ ส่วนหนึ่งมักได้รับแรงผลักดันจากสมาร์ทโฟนและ Social Media อ้างอิงข้อมูลการสำรวจล่าสุดจาก Nielsen พบว่า 71% ของผู้ซื้อออนไลน์ชาวจีน ใช้สมาร์ทโฟนในการซื้อสินค้า51% (ปี 2015) โดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้สะดวก ใช้งานง่าย และเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ e-tailers ต้องพิจารณา
ด้าน Social Media ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะผู้บริโภคต่างพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์การซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มแชท รวมทั้งใช้ Social Media เพื่อตรวจสอบรีวิวสินค้าจากลูกค้าคนอื่นๆ ที่พูดถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- คำนึงถึงพลังแห่งการรีวิว
ผู้บริโภคยุคนี้ฉลากในการเลือกซื้อ และไม่ด่วนตัดสินใจโดยที่ไม่ได้สืบค้นหรืออ่านรีวิวประสบการณ์ของผู้ซื้อรายอื่นๆ ดังนั้น หากคุณเป็นเจ้าของร้านค้า อย่าลืมชวนลูกค้าโพสต์คำวิจารณ์หลังการซื้อ โดยอาจแลกกับคะแนนสะสมไว้ใช้ลดราคาสินค้าครั้งถัดไป หรืออาจใช้ประโยชน์จาก Influencer หรือ KOLs (Key Opinion Leader : ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด) ในการทำตลาดผ่าน Social Media สำหรับแบรนด์สินค้าที่ต้องการเจาะตลาด
- อย่ามองข้ามการจัดส่ง
จำไว้เสมอว่า หากลูกค้าได้รับสินค้าภายในระยะเวลาที่รวดเร็วมากเท่าไหร่ ย่อมสร้างความประทับใจต่อร้านค้ามากขึ้นเท่านั้น การปรับปรุงเรื่องระยะเวลาจัดส่ง จึงเป็นสิ่งที่ร้านค้าควรพัฒนาและให้ความสำคัญอันดับต้นๆ
- เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ของการจัดซื้อ
เมื่อคุณเปิดร้านค้าออนไลน์ ขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การสั่งซื้อสินค้าเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะควรเลือกแหล่งสั่งซื้อสินค้าจากจีนที่มีคุณภาพ และมีให้เลือกหลากหลาย เช่น Taobao และ 1688 ตลอดจนจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ส่วนลดสำหรับการซื้อในครั้งหน้า จัดส่งฟรีเมื่อซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไป ตลอดจนมีการแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อมีสินค้าจากจีนใหม่ๆ ที่พวกเขาอาจสนใจโดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมา เป็นต้น
เมื่อรู้หลักการขายสินค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จแล้ว ควรเรียนรู้ 5 ข้อดีของการเปิดร้านค้าออนไลน์สำหรับธุรกิจ E-Commerce ! ซึ่งจะช่วยให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับร้านค้า E-Commerce มากยิ่งขึ้น